Dizzy-Dream - Dizzy-Dream นิยาย Dizzy-Dream : Dek-D.com - Writer

    Dizzy-Dream

    ในค่ำคืนที่อากาศร้อนอบอ้าวอย่างประหลาด ฉันต้องพบกับเหตุการณ์ที่ชวนให้หวาดผวาไปจนไม่รู้ลืม

    ผู้เข้าชมรวม

    711

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    711

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ต.ค. 49 / 09:30 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      dizzy-dream

       

       

      ในค่ำคืนที่อากาศร้อนอบอ้าวอย่างประหลาด

       

      ฉันละสายตาขึ้นจากหนังสือนวนิยายแนวสืบสวนของ ฮาร์ลาน โคเบน ที่กำลังทำให้ฉันติดจนงอมแงม เบนสายตามองนาฬิกาตั้งโต๊ะที่บอกเวลาไม่เคยแม่นยำ เพราะฉันตั้งให้มันเดินเร็วขึ้นมาสิบห้านาที

       

       

      ตี 3 กว่าแล้วหรือนี่ฉันพึมพำพร้อมกับลุกขึ้นยืนตัวตรง ยืดแขนไปด้านข้าง บิดกายไปมาอย่างเกียจคร้าน ไม่บ่อยนักที่ฉันจะนั่งติดเก้าอี้อยู่ในห้องรับแขก เพื่ออ่านหนังสือจนห่ามรุ่งห้ามค่ำ ทั้งที่วันพรุ่งนี้หาใช่วันหยุดสุดสัปดาห์ไม่

       

       

      เหลือเวลาอีก 3 ชั่วโมง จะนอนดีไหมนะเหมือนร่างกายจะรู้คำตอบนั้นดี เพราะหัวสมองที่เริ่มมึนชากับสายตาที่เริ่มพร่าเลือน ทำให้ฉันตัดสินใจเดินไปปิดพัดลมและไฟนีออน ก่อนจะก้าวเท้าเดินขึ้นบันไดไปชั้นสองอย่างเชื่องช้า รู้สึกเหมือนกับประตูห้องนอนที่อยู่สุดขั้นบันไดจะอยู่ไกลกว่าที่ควรจะเป็น เพราะความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือติดต่อกันมาหลายชั่วโมงหรืออย่างไรกันนะ

       

       

      และแล้วสองเท้าก็เดินขึ้นมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ด้านหน้าของฉันคือกำแพงที่มีหิ้งพระแขวนไว้เหนือศีรษะ ทางขวาคือประตูห้องนอนที่มีเตียงนอนของตัวเองกำลังรอต้อนรับอยู่ ส่วนทางซ้ายคือประตูห้องนอนที่คงจะมีร่างของพ่อแม่ฉันนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างปกติ ทั้งที่ร่างกายเร่งเร้าให้เข้าห้องทางด้านขวา แต่ฉันกลับเหม่อมองไปที่ห้องนอนทางซ้ายมืออยู่นาน

       

       

       

       

       

      รู้สึกเหมือนมีลางสังหรณ์แปลกๆ

       

       

       

       

       

      ความรู้สึกกลัวต่อบางสิ่งบางอย่าง เริ่มทำให้หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบทะลุออกจากอก ฉันตัดสินใจสาวเท้าตรงไปที่ห้องนอนของพ่อแม่พร้อมๆกับเสียงคำรามของฟ้าเบื้องบน หมุนลูกบิดประตูอย่างไม่นึกกลัวว่าจะเกิดเสียงดังปลุกคนหลับให้ตกใจตื่น ประตูเปิดออกตามแรงดึงพร้อมกับแสงของสายฟ้าที่สว่างวาบเข้าตา ฉันกวาดสายตามองไปที่เตียงนอนทั้งที่ตัวเองยังหยุดยืนอยู่ที่ประตู

       

       

      ร่างบางๆของผู้เป็นแม่ที่อยู่บนเตียงนอนขยับกายอยู่ใต้ผ้าห่ม เสียงกรนของผู้เป็นพ่อที่ดังตลบไปทั่วห้องบ่งบอกถึงสถานการณ์ที่เป็นปกติ ฉันจ้องมองไปที่ร่างของพวกท่านอยู่นานพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก

       

       

      จนกระทั่ง...

       

       

      สายตาของฉันก็สะดุดไปที่ร่างดำๆที่อยู่ข้างนอกหน้าต่าง แรกเริ่มที่แลเห็นร่างนั้นไม่ชัดเจนเท่าไรนัก แต่ก็ทำให้ฉันต้องเพ่งมองไปจนแทบหยุดหายใจ จนกระทั่งเมื่อสายฟ้าผ่าสว่างวาบขึ้นทันใด หัวใจของฉันก็วูบหล่นไปที่ตาตุ่ม

       

      เมื่อเห็นว่าร่างดำๆนั้น คือร่างของมนุษย์สูงใหญ่ที่ใส่เสื้อกันฝนสีดำทะมึน ยืนอยู่บนพื้นที่เป็นระเบียงแคบๆด้านนอก ใส่หมวกสีดำที่มีปีกแคบๆตกลงมาปิดหน้าปิดตาจนเห็นแค่สันจมูก

       

       

      คำถามแรกที่ผุดขึ้นในหัว คือร่างสีดำที่น่ากลัวนั่นขึ้นมายืนอยู่ ณ ที่นั่นได้อย่างไร?

       

       

      เม็ดฝนเริ่มตกลงกระทบสังกะสีด้านนอกเกิดเสียงดัง หากแต่ไม่สามารถทำให้ฉันละสายตาจากร่างสีดำนั้นที่ยังยืนนิ่งอยู่ด้านนอก จากเม็ดฝนเริ่มเทสาดเป็นสายฝน ย้อมร่างสีดำให้เปียกโชกจนเสื้อกันฝนเป็นเงาวาว แต่แล้ว...

       

       

      เมื่อสายฟ้าสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ฉันก็พบว่าร่างนั้น ไม่ได้หันมองมาที่ฉัน...

       

       

      มันกำลังมองไปยังร่างที่นอนหลับอยู่บนเตียง!

       

       

      ไม่นะ!ฉันร้องตะโกนเสียงหลง เบิกตากว้างหันไปมองที่เตียง หัวใจเต้นรัวแรงจนแทบทะลุ พร้อมๆกับเสียงกระจกหน้าต่างแตกดังสนั่น!

       

      แม่สะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนพ่อที่ขยับตัวอย่างงัวเงีย หากแต่มันคงไม่รอให้เป้าหมายของมันตั้งตัวได้ก่อน ร่างสีดำปีนข้ามขอบหน้าต่างเข้ามาพร้อมกับขวานด้ามโตที่ลับคมจนเป็นมันเงา รองเท้าบู๊ตหนักๆเหยียบเศษกระจกที่แตกเกลื้อนเต็มพื้นห้อง ก้าวหนักๆตรงไปที่เตียง

       

       

      ไม่ทันแน่ มันเร็วมาก!!!

       

       

      มันเงื้อคมขวานขึ้นสูง หวดฟาดลงไปที่ร่างบางของแม่!

       

       

      หากแต่ร่างบางเอี้ยวหลบได้อย่างหวุดหวิด แม่ตะกายลงจากเตียงวิ่งมาที่ฉัน

       

       

      พ่อ หนีเร็ว!!!แม่ตะโกนบอกพ่อที่กำลังตะลึงกับร่างสูงใหญ่ซึ่งยืนตระหง่านอยู่บนเตียง หากมันเหวี่ยงแขนฟาดปลายขวานไปด้านขวาเพียงนิดเดียวเท่านั้น ศีรษะของพ่อฉันคงจะขาดกระเด็นเป็นแน่ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อมันหันศีรษะมองตามร่างบางๆของผู้หญิงที่เพิ่งจะหลบปลายขวานของมันมาได้เมื่อสักครู่ มันไม่ได้สนใจร่างของเหยื่อที่อยู่ใกล้มือ มันมองตามแต่ร่างของแม่ เป้าหมายของมันคือ แม่เท่านั้น!!!

       

       

      ร่างหนักๆกระโดดลงจากเตียงจนพื้นไม้สะเทือนสั่น สติที่ขาดห้วง เป็นแรงผลักให้ฉันขยับวิ่งสวนกับร่างของแม่ตรงเข้ากระแทกร่างสีดำที่กำลังขยับตรงมาที่เรา มันเซถลาไปด้านหลังเล็กน้อย ผิดกับฉันที่กระเด็นกลับมาจนก้นจ้ำเบ้า

       

       

      หลบฉันหันไปตามเสียงของแม่ พบว่าร่างบางๆกำลังยกเก้าอี้ขึ้นทุ่มใส่ร่างของมันที่ยังไม่ทันตั้งตัวจนร่างนั้นทรุดลงไป มันโดนฟาดที่หัวไปเต็มลักอีกครั้งจนล้มลงนอนราบกับพื้น

       

       

      ตั้งสติหน่อย อย่าทำอะไรโดยไม่คิดสิแม่บอกกับฉันที่เพิ่งจะทำเรื่องโง่ๆลงไป สถานการณ์เช่นนี้การเอาตัวเข้าปะทะศัตรูถือเป็นการกระทำที่โง่เขลาสิ้นดี ฉันมองดูร่างที่ไม่ไหวติ่งของมัน สลับกับมองดูแม่อย่างประหลาดใจ ไม่มีความกลัวฉายอยู่บนใบหน้าของแม่เลย ที่น่าแปลกคือแม่สายตาสั้นถึงสามร้อยกว่าๆ แต่ตอนนี้แม่ไม่ได้ใส่แว่น!

       

       

      พ่อรีบแจ้งตำรวจเร็วแม่ตะโกนขึ้นในความมืดสลัว พร้อมกับฉุดร่างของฉันให้ก้าวตามออกจากห้อง

       

       

      เราสามคนวิ่งลงขั้นบันไดอย่างเร่งรีบ ไม่กี่วินาทีต่อมา พวกเราก็ลงมาถึงชั้นล่างของบ้าน ฉันรีบตรงไปเปิดไฟ ระรัวนิ้วกดทุกสวิตซ์ที่อยู่บนแผงอย่างร้อนรน แม่คว้าพวงกุญแจบ้านที่แขวนอยู่ในตู้เก็บกุญแจตรงเข้าไขประตู ในขณะที่พ่อส่งมีดทหารเล่มเล็กให้ฉันติดตัวไว้ก่อนที่จะพาร่างของตัวเองตรงเข้าหาเครื่องโทรศัพท์เพื่อกดเรียก 191

       

       

      เสียงของแม่ลอยขึ้นมาเบาๆ บ้าน่ะ ไขไม่ออกประโยคนั้นทำให้ฉันแทบกรีดร้อง

       

       

      ทันใดนั้น เกิดเสียงกระแทกของประตูดังขึ้นที่บริเวณชั้นสอง ปลุกกระตุ้นให้ความกลัวของฉันพุ่งถึงขีดสุด

       

       

       

       

      มันมาแล้ว...

       

       

       

       

      พ่อ ปืนล่ะแม่ตะโกนถามพ่อ ในมือยังคงกำพวงกุญแจที่ไร้ประโยชน์ไว้แน่น

       

       

      ลืมไว้ในรถพ่อตอบกลับมา ในขณะที่บอกรายละเอียดกับตำรวจเรียบร้อยแล้ว

       

       

      บ้าจริง แม่สบถออกมา เร่งมือไขกุญแจทุกดอกที่อยู่ในพวงอีกครั้ง ทำไมไขไม่ออกนะ

       

       

      เสียงรองเท้าบู๊ตหนักๆก้าวลงขั้นบันได ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ บีบให้หัวใจเต้นรัวแรงจนยากจะยั้งหยุด

       

       

      วิ่งไปหลังบ้านเร็วสิ้นเสียงของพ่อ แม่รีบวิ่งตรงไปที่ประตูหลังบ้านทันที หากแต่เมื่อวิ่งผ่านทางขึ้นบันได ร่างสีดำก็กระโดดลงมาขวางทางแม่ พร้อมกับเงื้อมือตรงเข้าคว้าลำคอของแม่ในทันที

       

       

      มันยกร่างของแม่ที่ดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวดลอยขึ้นเหนือพื้น

       

       

      ฉันเบิกตากว้าง จ้องมองร่างของแม่ที่ดิ้นพล่านอยู่ในเงื้อมมือของปีศาจ จากความกลัวกลับกลายเป็นความเคียดแค้น บุคคลที่ฉันรักกำลังถูกทำร้าย ยอมไม่ได้เด็ดขาด!

       

       

      ฉันกำมีดทหารในมือแน่น วิ่งอ้อมไปด้านหลังของมัน กระโดดคว้าใบหน้าของมันให้แหงนขึ้นก่อนที่จะละเลงคมมีดปาดลงไปที่คอของมันหนักๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเลือดสีแดงฉาดสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนใบหน้าของผู้เป็นแม่ มันทิ้งร่างในมือลงกับพื้น แต่ฉันยังไม่หยุดมือ เชือดเฉือนมีดลงไปที่คอของมันด้วยแรงทั้งหมดที่มีอย่างบ้าคลั่งไร้สติ จนร่างนั้นทรุดลงกับพื้น ฉันแทงมีดลงไปที่กลางหลังของมันอีกนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนที่มือหยาบๆของใครคนหนึ่งจะคว้าข้อมือของฉันไว้

       

       

      พอแล้วครับ มันไม่ขยับแล้วฉันหันไปสบตากับเจ้าของเสียง พบว่าเขาคือตำรวจในเครื่องแบบ และในตอนนี้ตำรวจหลายสิบนายกำลังเล็งปากกระบอกปืนจ่อมาที่ร่างโชกเลือดของมัน หากแต่สายตาทุกคู่กลับจ้องมองมาที่ฉันอย่างตกตะลึง

       

       

      สติเริ่มหวนกลับคืน ฉันทิ้งมีดเปื้อนเลือดในมือ พลางกวาดสายตามองไปทั่ว แต่กลับไม่พบร่างของคนที่ฉันรักอยู่ที่บริเวณนี้ด้วย

       

       

      ถอยออกมาก่อนครับ ใจเย็นไว้ตำรวจคนนั้นพูดด้วยเสียงแผ่วเบา ยังไม่ปล่อยมือหยาบๆจากข้อมือที่เลอะเลือดสีแดงของฉัน

       

       

      ฉันสะบัดมือลื่นๆให้หลุดจากการเกาะกุม รีบลุกขึ้นวิ่งฝ่านายตำรวจทุกคน ตรงออกสู่นอกตัวบ้าน

       

       

      แม่อยู่ไหน พ่ออยู่ที่ไหน ทั้งสองคนหายไปไหน

       

       

      หากแต่เมื่อวิ่งมาถึงถนนหน้าบ้าน ฉันก็เพิ่งสังเกตว่าท้องฟ้าในตอนนี้ไร้ซึ่งเมฆฝนและบรรยากาศโดยรอบก็ดูอบอุ่นเพราะดวงอาทิตย์สีส้มที่กำลังจะลับขอบฟ้า

       

       

       

       

      อะไรกัน?

       

       

       

       

      อ้อ ตำรวจโทรมาฉันหันไปตามเสียงที่คุ้นเคย พ่อของฉันเดินเข้ามาใกล้ สีหน้ามีแววกังวล

       

       

      พ่อ มันตายแล้วใช่ไหมฉันถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ หากแต่คำตอบที่ได้รับ ก็ทำให้ฉันมึนงงจนยืนไม่ติดพื้น

       

       

      ไม่ มันยังไม่ตายพ่อเอ่ยออกมาเบาๆ สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง หมอบอกว่า มีดที่ใช้ปาดคอมัน สะอาดเกินไป

       

       

       

       

      ...................................

       

       

       

       

      ....................

       

       

                                                         

       

       

       

       

      ...........

       

       

       

       

       

       

      .....

       

       

       

       

       

       

       

       

      ...

       

       

       

       

      บ้าน่า!!!!!

       

       

       

      ---------------------------------------------

       

       

      ----------------------

       

       

       

       

       

      นี่คือนิยายสั้นๆที่แต่งขึ้นมาจากความฝันของอ้อจังเมื่อประมาณ 5 เดือนที่แล้วได้มั้ง
      ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความแค้นที่ยังคงฝั่งแน่นในอก

       

      ทำไมมันไม่ตายยยยยยยยยย!!!!

      แล้วดูเหตุผลที่ไม่ตายสิ เพราะมีดสะอาดเกินไป

      บาก้า!

      นี่สินะ คือความฝัน มันเป็นไปได้แค่ในฝันเท่านั้นล่ะ
      เพราะความเป็นจริงฉันคงโดนหักคอตายไปแล้วเป็นแน่...

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×